น่ารักนะ

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ใบงานที่ ๑๔


จุดเด่นในการใช้ (เว็บบล็อก)Weblogหรือบล็อก(Blog) Blogspot.com- เป็นสื่อที่ใช้ในการแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกของผู้เขียนในเรื่องต่างๆที่เสนอให้ผู้ที่สนใจรับรู้- สามารถปรับแต่ง แก้ไขได้ง่ายบนหน้าจอตามที่ต้องการได้- สามารถนำเสนอสื่อมัลติมิเดีย เช่น วีดีโอ สไลด์ เพลง รูปภาพ ได้หลากหลาย- เป็นแหล่งรวมความรู้ที่หลากหลาย เผยแพร่และเข้าถึงได้ง่าย- เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์งานต่าง ๆ เสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวขององค์กรได้- เป็นแหล่งเก็บข้อมูล ที่ทันสมัย ใช้ส่งข้อมูล หรือติดต่อสื่อสาร ออนไลน์- ทำให้ทันต่อเหตุการณ์ในโลกปัจจุบัน เพราะข่าวสารความรู้ มาจากผู้คนมากมาย(ทั่วโลก) และมักจะเปลี่ยนแปลงได้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันเสมอจุดด้อยในการใช้ (เว็บบล็อก)Weblogหรือบล็อก(Blog) Blogspot.com- เครื่องมือที่ใช้มีหลากหลายยังศึกษาได้ไม่ครบทุกตัว ทำให้พัฒนาได้ไม่เต็มที่- blogspot.com จำเป็นจะต้องศึกษาโปรแกรมอื่นเพิ่มเติมเพื่อได้ใช้งานร่วมกัน

เปรียบเทียบ Blogspot.com กับ Blog Go to Know- blogspot สามารถตกแต่ง blog ได้หลากหลาย สามารถใส่คลิปเพลง คลิปวีดีโอ และลูกเล่นต่างๆ ได้ เยอะ ทำให้มีความน่าสนใจมาก เปิดโอกาสให้เจ้าของ blog ได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ได้เต็มที่ ส่วนGotokhow ไม่สามารถตกแต่ง blog ได้มาก- blogspot ข้อความจะปรากฏเฉพาะใน blog ตัวเองเท่านั้น ส่วนGotokhow เมื่อบันทึกบทความแล้ว นอกจากข้อความจะปรากฏใน blog ตัวเองแล้วยังปรากฏใน blog กลางของ gotokhow ด้วย- blogspot ผู้เข้าไปใช้งานจะมีความหลากหลาย ส่วนGotokhow ผู้ใช้งานมักค้นหางานวิชาการหรือเผยแพร่บทความ- Gotokhow เป็นเครื่องมือในการสร้างความรู้ เผยแพร่ความรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ เป็นเครื่องมือค้นหาผู้ชำนาญการ และสามารถแยกแยะประเภทของความรู้และสร้างความสัมพันธ์ของความรู้ โดยเจ้าของบล็อกสามารถจัดกลุ่มบันทึกแต่ละบันทึกด้วยคำหลักซึ่งแทนแก่นความรู้สำคัญของบันทึกนั้นๆ ซึ่ง blogspot ไม่มีบันทึกคำหลัก ไม่มีการจัดกลุ่มบันทึก มีแต่ชื่อเรื่อง และป้ายกำกับ

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ใบงานที่13

การไปทัศนศึกษาดูงาน
เชิงบวก-ประสบการณ์ตรงจากการเดินทาง สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ความเป็นอยู่ของบุคคลในแต่ละจังหวัด-การวิเคราะห์เลือกซื้อสินค้า ผลิตภัณฑ์ แนวทางในการเลือกซื้อ ค้นหา ต่อรองราคา-ความรู้จากโรงเรียนอนุบาลหนองคาย หลักการสำคัญในมุมมองส่วนตัวคือ1.แนวคิดของความเป็นเจ้าของโรงเรียนของผู้บริหาร ครู ผู้ปกครอง ชุมชน2.แนวคิดของการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังและต่อเนื่อง3.แนวคิดของความรับผิดชอบ วัฒนธรรม องค์กรของสถานศึกษา4.แนวคิดของขวัญกำลังใจของครูภายในโรงเรียน ที่เกิดจากความสามัคคี ความรัก การเอาใจใส่ดูแลและช่วยเหลือกันอย่างจริงจัง-ความสามารถในกระบวนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ความเข้าใจ และความรู้ความสามารถ-วัฒนธรรมของผู้นำเที่ยว (ไกด์)มารยาท การนำเสนอข้อมูล ที่มีศักยภาพ-ความศรัทธาพระพุทธศาสนาของศาสนิกชนไทยเชิงลบ-มารยาทในสังคมส่วนรวมของบุคลากร-มารยาทของบุคคลที่ควรจะปฏิบัติในองค์รวม ภาพพจน์ของผู้บริหาร-มารยาทในการนำเสนอ การพูดที่ขาดความรับผิดชอบ การพูดเพ้อเจ้อ ยกย่องตัวเองจนลืมภาพรวมของกลุ่มที่ร่วมเดินทาง-ความพอดีในเรื่องของอบายมุข มารยาทของผู้บริหารที่พีงมีพึงกระทำ-วัตถุประสงค์ของการดูงานนอกสถานที่ การหลงประเด็นทั้งประสบการณ์เชิงบวกและเชิงลบในความรู้สึกถือเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ๋และหาซื้อไม่ได้ในฉากชีวิตจริงซึ่งไม่ไช่การแสดงละคร...ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ลองวิเคราะห์คิดด้วยความรุ้สึกที่เป็นมัชฌิมาปฏิทา...
-การพิจารณาเกรด ตามศักยภาพดุยพินิจและชีวิตจริง ไม่ชอบการยกยอปอปั้น การประจบสอพลอที่ไม่
จริงใจและก็ไม่ชอบทำตัวเป็นพวกช่างขอ...โดยไร้คุณภาพ

ใบงานที่12


การใช้โปรแกรม SPSS1. ขั้นตอนการเรียกใช้โปรแกรมคลิก Start -> All Programs -> SPSS for Windows -> SPSS 11.5 for Windowsหรือ Double Click ไอคอนบนหน้าจอ Windows2. ส่วนประกอบหลักของ SPSS FOR WINDOWSเมื่อเปิดโปรแกรมจะได้หน้าต่างที่มีส่วนประกอบดังต่อไปนี้-Title Bar บอกชื่อไฟล์ เช่น Untitled-SPSS Data Editor (หากเปิดครั้งแรก)-Menu Bar คำสั่งการทำงาน-Cell Editor กำหนดค่าตัวแปร-Cases ชุดของตัวแปร-Variable กำหนดชื่อตัวแปร-View Bar มีสองส่วน ได้แก่ Variable View (สร้างและแก้ไขโครงสร้างตัวแปร) และ Data View (เพิ่มและแก้ไขตัวแปร)-Status Bar แสดงสถานการณ์ทำงาน3. การป้อนข้อมูลจากหน้าจอData Editor 3.1 เปิด SPSS Data Editor โดยไปที่ File -> New -> Data3.2 กำหนดชื่อและรายละเอียด จากหน้าจอ Variable View3.3 ป้อนข้อมูล Data View3.4 บันทึกข้อมูล File -> Save

ความรู้ศึกต่ออาจารย์
อาจารย์เป็นคนใจดี มีความตั้งใจในการสอนมาก พยายามหาเนื้อหาความรู้มาให้นักศึกษาเรียนรู้เท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย อาจจะเพราะเวลาน้อยอาจารย์เลยสอนเร็วไปหน่อย ขอให้อาจารย์มีความสุขมากๆครับ

ใบงานที่10

ประวัติสังเขป
นายวุฒิศักดิ์ กิดเขียว เกิดเมื่อ 24 เมษายน 2514
ณ บ้านเลขที่ 062 หมู่ที่ 7 ต.การะเกด อ. เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช
เรียนประถม 1 - 6 ณ โรงเรียนชุมชนวัดท่าลิพง ต. การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช
เรียนมัธยม 1 - 6 ณ โรงเรียนเชียรใหญ่ ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช
เรียนปริญญาตรี วิชาเอกการประถมศึกษา ครุศาสตรบัณฑิต ณ วิทยาลัยครูนครศรีธรรทราช
กำลังศึกษา ป.บัณฑิต บริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
บรรจุทำงานในตำแหน่ง อ.1 ระดับ 3 วันที่ 26 พ.ค. 2537 โรงเรียนบ้านแม่ปะหลวง สปอ.สบเมย สปจ.แม่ฮ่องสอน
ปัจจุบัน ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียน อันดับ คศ.2 โรงเรียนบ้านบางมูลนาก อำเภอปากพนัง สพท.นศ.3

ใบงานที่9

ผู้บริหารการศึกษามืออาชีพ “ผู้บริหารมืออาชีพ” ยังเป็นคำที่ค่อนข้างใหม่สำหรับวงการศึกษาเพิ่งจะเริ่มเป็นที่กล่าวถึงมากขึ้นก็เมื่อมีการปฏิรูปการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ซึ่งในหมวด 7 ได้กำหนดไว้ว่า ทั้งผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษา ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามกฎหมายกำหนด คำว่า ผู้บริหารมืออาชีพ (Professional Administrator) เป็นคำที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน การจะเป็นมืออาชีพได้นั้น ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างผสมผสานกับประสบการณ์ ความรู้ จากการวิเคราะห์ สังเคราะห์คุณลักษณะของผู้บริหารมืออาชีพ ต้องมีคุณลักษณะที่สำคัญ ดังนี้ 1.1 การมีภาวะผู้นำLeadership ซึ่งจะต้องมีองค์ประกอบของความรู้ความเข้าใจ (Knowledge) การรู้จักตัดสินใจ (decision making) รู้จักและสามารถนำเอาวิธีการและกลยุทธในการแก้ไขปัญหา (problem solving)มาใช้ในการปฎิบัติงานในหน้าที่ได้ และเป็นบุคคลที่มีความสามารถในการเป็นผู้นำที่กำหนดทิศทางขององค์กรและเพื่อนร่วมงานได้เป็นอย่างดี (lead direction) สร้างพลังในการทำงานเป็นทีม (team work) และการมีส่วนร่วมของเพื่อนร่วมงาน ตลอดจนเป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Initiative) เป็นต้น 1.2 เป็นบุคคลที่สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีและมีความรับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ที่ได้รับหรืออยู่ในขอบข่ายของภารกิจที่รับผิดชอบอย่าง (Role Model & Responsibility)1.3 มีทักษะในการสื่อสาร(Communication skill) ที่เป็นเลิศ ที่สามารถสื่อสารทั้งทางตรง ทางอ้อม ที่ทำให้เพื่อนร่วมงานหรือผู้ที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาสามารถเข้าใจง่าย และเข้าถึงในสิ่งที่เราต้องการสื่อสาร1.4 เป็นบุคคลที่มีวิสัยทัศน์ (vision) มีความคิดและมุมมองที่กว้าง และเป็นผู้ที่มองการณ์ไกล 1.5 เป็นผู้ที่ยอมรับและเป็นผู้สร้างกระบวนการเรียนรู้ที่จะนำองค์กรไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้(Knowledge Based Organization)1.6 ใช้หลักธรรมภิบาลในการบริหารงานหลักนิติธรรม (The Rule of Law) หลักคุณธรรม (Morality) หลักความโปร่งใส (Accountability) หลักการมีส่วนร่วม (Participation) หลักความรับผิดชอบ (Responsibility )หลักความคุ้มค่า (Cost – effectiveness or Economy) 1.7 มีคุณลักษณะเป็น คนเก่ง กล้า และใหม่ คือ เป็นคน 3 เก่ง เป็นคน 3 กล้า และเป็นคนรุ่นใหม่ 3 ใหม่ลักษณะคนเก่ง 3 เก่ง คือ เก่งคิด เก่งคน เก่งงาน ลักษณะคนกล้า 3 กล้า คือ กล้าตัดสินใจ กล้าเสี่ยง กล้าเปลี่ยนแปลงลักษณะคนรุ่นใหม่ 3 ใหม่ คือ พัฒนาระบบงานและนวัตกรรมใหม่,สร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ และแสวงหาความรู้ใหม่

ใบงานที่8

ความหมายของสถิติ สถิติมีความหมาย 2 อย่างคือ1 หมายถึง ตัวเลขหรือกลุ่มของตัวเลขที่แสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องหนึ่งแรื่องใดเช่นสถิติเกี่ยวกับปริมานน้ำฝน สถิติการเกิดอัคคีภัย เป็นต้น2 หมายถึง วิชาที่เป็นทั้งวิทยาศาสตร์และศิลป ว่าด้วยการศึกษาที่เกี่ยวกับข้อมูล ซึ่งประกอบด้วย การเก็บรวบรวมข้อมูล ( collection of date) การนำเสนอข้อมูล( presentation of date)การวิเคราะข้อมูล (analysis of date) ความหมายข้อมูล (interpretation of data ) ในความหมายที่สอง หมายถึง วิธีการที่เริ่มต้นตั้งแต่การเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งมีหลายวิธีเพราะต้องเก็บข้อมูลที่ถูกต้อง เหมาะสม ถ้าได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสมข้อมูลเหล่านี้ย่อมใช้ไม่ได้ หรือใช้ได้แต่เพียงส่วนน้อยข้อมูลที่เก็บรวบรวมมา จำเป็นจะต้องมีการนำมาจัดใหม่ให้ดูง่ายหรือเป็นระเบียบ การจัดข้อมูลใหม่อาจใช้ตาราง กราฟ หรือรูปภาพขั้นตอนนี้เรียกว่าการนำเสนอข้อมูล ค่าเฉลี่ย ( Mean) หมายถึง ค่าที่ได้จากการนำคะแนนทั้งหมดมารวมกันแล้วหารด้วยจำนวนคะแนนทั้งหมดมัธยฐาน (Median) หมายถึงค่าคะแนนที่อยู่ตรงกลางของข้อมูลแต่ละชุดเมื่อรียงลำดับข้อมูลจากมากไปหาน้อยหรือจากน้อยไปหามากฐานนิยม (Mode) หมายถึงค่าของคะแนนที่มีความถี่สูงสุดของข้อมูลชุดหนึ่ง ๆ ถ้าข้อมูลชุดใดมีค่าความถี่สูงสุดมากกว่า 1 ค่า ข้อมูลชุดนั้นก็มีฐานนิยมมากกว่า 1 ค่า หรือถ้าข้อมูลชุดใดมีค่าความถี่สูงสุดเท่า ๆ กันทุกค่า ข้อมูลนั้นไม่มีฐานนิยมส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standand deviation) หมายถึง รากที่สองของค่าเบี่ยงเบนของข้อมูลแต่ละตัวจากค่าเฉลี่ยยกกำลังสอง เป็นการวัดการกระจายที่บอกว่า ข้อมูลแต่ละตัวกระจายไปจากตำแหน่งมากน้อยเพียงใด ถ้าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมีค่ามากแสดงว่าข้อมูลของแต่ละคนในกลุ่มแตกต่างกันมาก ถ้ามีค่าน้อยแสดงว่า แสดงว่าข้อมูลของแต่ละคนในกลุ่มนั้นใกล้เคียงกัน ประชากร (Population) หมายถึง หน่วยของข้อมูลทุกหน่วยที่อยู่ในขอบเขตของการวิจัยอาจจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ หน่วยของข้อมูลจะมีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการวิจัยว่าสนใจจะศึกษาขอบเขตแค่ไหน กลุ่มตัวอย่าง (Sample) หมายถึง หน่วยของข้อมูลบางหน่วยที่ถูกเลือกมาจากประชากรเพื่อใช้เป็นตัวแทนของประชากรทั้งหมด และผู้วิจัยจะศึกษากับกลุ่มที่เป็นตัวแทนนี้แล้วอ้างอิงไปยังประชากรประชากรเป็นหน่วยของข้อมูลทุกหน่วยที่อยู่ในขอบเขตของการวิจัย และกลุ่มตัวอย่างเป็นหน่วยข้อมูลบางหน่วยที่ถูกเลือกมาจากประชากร หรือกล่าวว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นส่วนหนึ่งของประชากรนามบัญญัติ เป็นการวัดทีกำหนดชื่อหรือตัวเลขให้แก่สิ่งต่าง ๆ ข้อมูลที่ได้เป็นการจะแนกกลุ่มหรือประเภทเพียงอย่างเดียว เรียงลำดับที่ เป็นการวัดโดยการจัดอันดับให้แก่สิ่งของของต่าง ๆ ข้อมูลที่ได้บ่งบอกถึงการจำแนกกลุ่ม และเรียนลำดับความมากน้อยระดับช่วง เป็นการวัดโดยการแบ่งช่วงสิ่งที่ต้องการศึกษาออกป็นช่วง ๆ โดยแต่ละช่วงมีขนาดเท่ากันอัตราส่วน เป็นการวัดโดยการแบ่งช่วงของสิ่งที่ต้องการศึกษาออกเป็นช่วง ๆ เหมือนอันตรภาคชั้นแต่มาตรานี้มีศูนย์แท้ความหมายของตัวแปรตัวแปร (variable) หมายถึง คุณลักษณะที่สามารถแปรเปลี่ยนหรือเปลี่ยนค่าได้ ซึ่งต้องมีอย่างน้อย 2 ค่า เช่น เพศ แปรค่าได้เป็น เพศชาย ละเพศหญิง ระดับการศึกษา แปรค่าได้หมายค่า เช่น ต่ำกว่าปริญญาตรี ปริญญาตรี สูงกว่าปริญญาตรี ตัวแปรต้น (Independent variable) หมายถึง ตัวแปรที่เป็นต้นเหตุหรือตังแปรที่มาก่อนตัวแปรตาม เช่น ตัวแปรอาชีพกับตัวแปรรายได้ อาชีพย่อมเกิดขึ้นก่อนรายได้ อาชีพจึ้งเป็นตัวแปรต้นตัวแปรตาม (Dependent variable) หมายถึง ตัวแปรที่มาทัหลัง หรือตัวแปรที่เป็นผลตามมาจากการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรต้นสมมุติฐาน (Hypothesis) หมายถึง เป็นการค่ดคะเนความสืพันธ์ของตัวแปรตั้งแต่สองตัวขึ้นไปไว้ล่วงหน้าอย่างมีเหตุผลเพื่อตอบปัญญาวิจัยสมมุติฐานแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สมมมุติฐานการวิจัย และสมมุติฐานทางสถิติ1. สมมมุติฐานการวิจัย (Research hypothesis) แบ่งได้ดังนี้1.1 สมมุติฐานแบบมีทิศทาง1.2 สมมุติฐานแบบไม่มีทิศทาง2. สมมุติฐานทางสถิติ (Directional hypothesis)2.1 สมมุติฐานหลัก2.2 สมมุติฐานรอง2.2.1 สมมุติฐานแบบไม่มีทิศทาง2.2.2 สมมุติฐานแบบมีทิศทางT- test เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ย เหมาะสำหรับตังแปรเชิงปริมาณที่สามารถวัดค่าได้F- test หรือ ANOVA เป็นการทดสอบนัยสำคัญของค่าเฉลี่ยตั้งแต่สองกลุ่มขึ้นไป